พูดถึงภาคใต้ หลายคนคงจะนึกถึงทะเลสวยๆ ธรรมชาติงามๆกันใช่ไหมคะ?แต่รู้ไหมคะว่านอกจากความสวยงามเหล่านั้นแล้ว ยังมีความงดงามและเสน่ห์อีกหลายรูปแบบที่หลายคนยังไม่รู้อีกด้วยนะคะ อย่างที่เราจะพาทุกคนไปทัวร์กันในวันนี้ เป็นชุมชนเล็กๆที่ยังคงซึ่งความสวยงามของธรรมชาติและวิถีชีวิตอันเรียบง่ายไว้อย่างลงตัว นั่นก็คือบ้านเขาสามช่องเหนือ อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงานั้นเอง
ส่วนใครอยากจะไปเที่ยวที่ชิคๆ รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: www.weekdayspecialthailand.com
หรือ Facebook Fanpage: วันธรรมดาน่าเที่ยว
ซึ่งวันนี้ฝนจะพามาเที่ยวกันแบบ 2 วัน 1 คืน บอกเลยกิจกรรมแน่นสุดๆไปเลย
มาถึงที่หมาย ก็ไม่รอช้า ตรงดิ่งไปที่ที่พัก Home-Stay หลังนี้ บ้านพักหลังน้อยของเรานั้นเอง เก็บของให้เรียบร้อย แล้วนั่งพักให้หายเหนื่อยสักแปป แล้วไปลุยกันต่อจ้า
เริ่มกิจกรรมแรกกันเลยจ้า มาถึงทะเล ก็ต้องออกทะเลถูกไหม?
ไปค่ะ ไปดื่มด่ำกับธรรมชาติกัน โดยการนั่งเรือแคนูชมความอุดมสมบูรณ์ของป่าโกงกาง ใครพายไม่เป็น ไม่ต้องกังวล มีพี่ๆเขาพายให้ เราแค่นั่งสวยๆชมธรรมชาติ ถ่ายรูปชิลด์ๆก็พอแล้วจ้า
ป่าโกงกางขนาดใหญ่นี้ นอกจากจะสวยงามแล้ว ยังบ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของที่นี้ได้ดีอีกด้วย เพราะป่าโกงกางคือสถานอนุบาลชั้นดีของสัตว์น้ำ เป็นที่วางไข่และฟักตัวอ่อนนั้นเอง
เติมพลังจนเต็มอิ่มแล้ว ไปทำกิจกรรมที่สองกันต่อเลยจ้า กับการสาธิตทำกะปิ ของดีของเด็ดจังหวัดพังงานั้นเอง
คุณป้าบอกทุกขั้นตอนแบบไม่มีกั๊กเลยนะจ้ะ
เริ่มตั้งแต่อุปกรณ์ที่ใช้และการหากุ้งเคยจากทะเล แล้วนำมาล้างให้สะอาด แล้วมาหมักด้วยเกลือ เสร็จแล้วก็นำมาตาก ยาวจนมาจนถึงการนำมาตำจนเสร็จสมบูรณ์ออกมาเป็นกะปิพร้อมทาน
ทำเสร็จก็เอามาใส่กระปุกสวยๆแบบนี้ พร้อมเป็นของฝากติดไม้ติดมือแล้วจ้า .. รับกี่กระปุกดีจ้ะ??
หลังจากสาธิตการทำกะปิ พอมีเวลาว่างเดินสำรวจรอบๆชุมชนสักหน่อย
ว่าไปแล้ว ชุมชนบ้านสามช่องเหนือแห่งนี้มันก็มีเสน่ห์ในตัวของมันดีนะ.......
ไปต่อแบบชิลด์ๆ กับการเดินชมฟาร์มปลาดุกทะเลยักษ์ อีกหนึ่งแหล่งรายได้ของชาวชุมชนที่นี้นั้นเอง .. นับว่าที่นี้เป็นสวรรค์ของคนรักปลาดุกทะเลที่แท้ทรูเลยนะ เยอะมาก ตัวใหญ่ด้วย
ชิลด์มาพอแล้ว ไปลุยกิจกกรมหนักๆกันบ้าง กับการไปลุยโคลนหาหอยแครงยักษ์
อีกหนึ่งสเน่ห์ของทริปนี้เลย สำหรับอุปกรณ์ของเราก็คือไม้กระดานสไลด์ และสองมือของเราเอง แค่นี้ก็พร้อมไปลุยแล้วจ้า
เห็นน้องๆคล่องแคล่วกันมาก แต่มันไม่ง่ายเแบบที่คิดไว้เท่าไรเลยจริงๆ ทุลักทุเลเอาเรื่องเลยนะ แบบไม่สไลด์ลื่นไหลอย่างที่จินตนาการเลย แต่มันก็สนุกมากๆ เแถมยังลอะมากด้วย โคลนลึกถึงเข่า ไม่ใช่เล่นๆ 555
ส่วนใครอยากจะไปเที่ยวที่ชิคๆ รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: www.weekdayspecialthailand.com
หรือ Facebook Fanpage: วันธรรมดาน่าเที่ยว
ซึ่งวันนี้ฝนจะพามาเที่ยวกันแบบ 2 วัน 1 คืน บอกเลยกิจกรรมแน่นสุดๆไปเลย
ก่อนจะไปเที่ยว ขออธิบายความเป็นมาอย่างสั้นๆให้ทราบกันก่อนนะคะ เดิมที่นี้เป็นที่อยู่ชั่วคราวของชาวประมงอยู่กลางทะเล ต่อมามีการรวมกันและสร้างเป็นชุมชนขึ้น ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2457 และคนที่นี้ส่วนใหญ่เป็นชาวประมงนั้นเอง ส่วนสาเหตุที่เรียกว่าเขาสามช่องมาจากมีลำคลองสามสายไหลมารวมกัน แน่นอนว่าอุดมสมบูรณ์มากๆ
โอเค พร้อมแล้ว ก็ตามมาเลยจ้า เริ่มการเดินทางครั้งนี้ ออกทะเลแบบสวยๆ โดยเรือจ้า ล่องเรือมุ่งหน้าไปสู่ที่หมายกัน ใช้เวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ไม่ทันจะเมาเรือก็ถึงแล้ว
เริ่มกิจกรรมแรกกันเลยจ้า มาถึงทะเล ก็ต้องออกทะเลถูกไหม?
ไปค่ะ ไปดื่มด่ำกับธรรมชาติกัน โดยการนั่งเรือแคนูชมความอุดมสมบูรณ์ของป่าโกงกาง ใครพายไม่เป็น ไม่ต้องกังวล มีพี่ๆเขาพายให้ เราแค่นั่งสวยๆชมธรรมชาติ ถ่ายรูปชิลด์ๆก็พอแล้วจ้า
ป่าโกงกางขนาดใหญ่นี้ นอกจากจะสวยงามแล้ว ยังบ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของที่นี้ได้ดีอีกด้วย เพราะป่าโกงกางคือสถานอนุบาลชั้นดีของสัตว์น้ำ เป็นที่วางไข่และฟักตัวอ่อนนั้นเอง
ชมป่าโกงกางเพลินๆ ชักเริ่มจะหิว ไปเติมพลังกันหน่อยดีกว่า กับร้าน “พิงกันฮาลาลซีฟู๊ด”
อาหารทะเลสดๆ หลากหลายชนิด ครบทั้งปู กุ้ง และปลา ไม่ว่าจะเอาผัด เอามาทอด ก็อร่อยเด็ด แถมยังจัดจานออกมาสวยงามอีกด้วยนะ
ฉะนั้นใครจะมา ห้ามพลาดร้านนี้นะจ้ะ อร่อยทุกจาน สั่งเลย ไม่มีผิดหวัง
อ่ะ ซูมอาหารใกล้ๆ น่ากินละซี๊.......
คุณป้าบอกทุกขั้นตอนแบบไม่มีกั๊กเลยนะจ้ะ
เริ่มตั้งแต่อุปกรณ์ที่ใช้และการหากุ้งเคยจากทะเล แล้วนำมาล้างให้สะอาด แล้วมาหมักด้วยเกลือ เสร็จแล้วก็นำมาตาก ยาวจนมาจนถึงการนำมาตำจนเสร็จสมบูรณ์ออกมาเป็นกะปิพร้อมทาน
ทำเสร็จก็เอามาใส่กระปุกสวยๆแบบนี้ พร้อมเป็นของฝากติดไม้ติดมือแล้วจ้า .. รับกี่กระปุกดีจ้ะ??
หลังจากสาธิตการทำกะปิ พอมีเวลาว่างเดินสำรวจรอบๆชุมชนสักหน่อย
ว่าไปแล้ว ชุมชนบ้านสามช่องเหนือแห่งนี้มันก็มีเสน่ห์ในตัวของมันดีนะ.......
ไปต่อแบบชิลด์ๆ กับการเดินชมฟาร์มปลาดุกทะเลยักษ์ อีกหนึ่งแหล่งรายได้ของชาวชุมชนที่นี้นั้นเอง .. นับว่าที่นี้เป็นสวรรค์ของคนรักปลาดุกทะเลที่แท้ทรูเลยนะ เยอะมาก ตัวใหญ่ด้วย
ชิลด์มาพอแล้ว ไปลุยกิจกกรมหนักๆกันบ้าง กับการไปลุยโคลนหาหอยแครงยักษ์
อีกหนึ่งสเน่ห์ของทริปนี้เลย สำหรับอุปกรณ์ของเราก็คือไม้กระดานสไลด์ และสองมือของเราเอง แค่นี้ก็พร้อมไปลุยแล้วจ้า
เห็นน้องๆคล่องแคล่วกันมาก แต่มันไม่ง่ายเแบบที่คิดไว้เท่าไรเลยจริงๆ ทุลักทุเลเอาเรื่องเลยนะ แบบไม่สไลด์ลื่นไหลอย่างที่จินตนาการเลย แต่มันก็สนุกมากๆ เแถมยังลอะมากด้วย โคลนลึกถึงเข่า ไม่ใช่เล่นๆ 555
สำหรับใครที่มาแล้วไม่ลองกิจกรรมนี้ ถือว่าพลาดนะจ้ะ .. ยิ่งมากับแก๊งค์เพื่อน บอกเลยว่าเพลินๆ
เห็นวิธีการหาแล้ว มาชมผลงานเราหน่อย เราจะอวด ตัวใหญ่ๆทั้งนั้นจ้า แบบเห็นขนาดของหอยที่จับมาได้ แล้วก็รู้สึกหายเหนื่อย และ เริ่มจะหิวขึ้นมาหน่อยๆแล้วด้วยนะ
ดังนั้นก็ได้เวลาเติมพลังงานกันแล้ว มื้อเย็นนี้ นอกจากหอยแครงที่เราหามาแล้ว ยังมีเมนูอื่นๆให้ฟินด้วยนะ ครบทั้งปู และปลา ยันผลไม้เลยค่ะคุณ จัดเต็มไปอีก อิ่มจนกลิ้งได้เลยนะเนี้ย
ซึ่งมือนี้ประทับใจหอยชักตีนมาก ฟังชื่อแล้วงงอะดิ ชื่อนี้จริงๆ ไม่ได้หยาบอะไรเลย เป็นของดีที่เคยไปกินที่กระบี่ และไม่คิดว่าที่อื่นจะมี มันหอม มันอร่อยมากๆ ยิ่งจิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ด สวรรค์ชัดๆ
ส่วนเหตุผลที่เรียกแบบนี้เพราะลักษณะของเขา จะมีเหมือนเป็นคีบแข็งๆคล้ายตีนออกมานอกเปลือก และต้องดึงตีนของมาให้เนื้อหอยออกมานั้นเอง
ส่วนภาพด้านล่างนี้ หอยแครงยักษ์ที่งมหาด้วยตัวเอง หุหุ #แอบภูมิใจเล็กๆ
อิ่มท้องมื้อเย็นกันที่ พิงกันฮาลาลซีฟู๊ดกันแล้ว เดินออกมาชมวิว รับลมเย็นๆ หลังฝนตก
ภาพวิถีชีวิตชุมชนชาวประมงอันสวยงามที่เห็นอยู่เบื้องหน้านี้ ทำให้ผู้มาเยือนที่นี่ รู้สึกประทับใจเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อคืนนอนหลับสบายมาก เพราะทั้งเหนื่อย ทั้งอิ่ม
มาเริ่มวันใหม่ เช้านี้ อากาศแจ่มใส ไปเที่ยวอ่าวพังงา และเกาะตะปูกันเลย
ถึงแล้ว เขาตะปู จุดถ่ายรูปยอดฮิตที่ต้องมา บอกเลยสั้นๆว่าตรงปก สวยจริง เหมือนที่เห็นตามนิตยสารแบบไม่ผิดเพี้ยน
ส่วนนี้เขาพิงกัน แล้วฉันจะพิงใคร #เฮ้ย!!! มันใช่่หรอ
ทั้งสูง ทั้งเสียว ทั้งสวย คือวิวดีมาก ลมเย็นๆ สบายสุดๆ .. แต่ลำบากนิดๆ เพราะขาขึ้นก็ว่ายาก ขาลงนี้ขาสั่นเลยจ้า แต่เพื่อรูปสวย ศรีทนได้
หลังจากไปตระเวณเที่ยวอ่าวพังงามาแล้ว ก่อนจะกลับ เราขอเสนออีกหนึ่งกิจกรรม นั้นก็คือการทำผ้ามัดย้อม ซึ่งที่นี้จะใช้สีที่ได้จากธรรมชาติ โดยนำมาต้มและเคียวไว้จนออกมาเป็นสีๆ ซึ่งวัตถุดิบที่ใช้นั้นก็คือเปลือกไม้ของต้นตะบูนซึ่งอยู่ในป่าโกงกางนั้นเอง สีที่ออกมาจะโทนแดงๆส้มๆค่ะ
เริ่มการทำ ด้วยการสร้างลายโดยม้วนๆผ้า ซึ่งแต่ละลวดลายก็มีเทคนิค วิธีการต่างๆกันไป แต่ทริคที่สำคัญมากๆ คือ ต้องมัดให้แน่น ไม่งั้นผ้าที่ได้จะออกมาเหมือนกันหมด ดูไม่รู้ว่าเป็นลายนั้นเอง
หลังจากนั้นก็นำไปต้มให้สีจากธรรมชาติซึมซีบลงบนผ้า
แล้วนำมาแกะในน้ำเย็น
ท้าดาาา!!!!! นี้จ้า ขอโชว์ผลงานหน่อย ทำเอง สวยมาก มีผืนเดียวในโลก
เฮ้อ... หมดเวลาสนุกแล้วสิ เป็นทริปที่ทั้งสนุกและแอบโหดในเวลาเดียวกัน เพราะตารางกิจกรรมแน่นมาก 555
ใครที่หาแหล่งที่เที่ยวแบบทริปสั้นๆแต่ใช้เวลาคุ้มๆ ตามรอยกันมาได้เลยนะคะ ทริปที่เที่ยวคุ้มเวลาขนาดนี้ หาเจอไม่ง่ายนะคะ
GIRL IN A BIG WORLD